ออฟฟิศซินโดรม โรคยอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศ

ชาวออฟฟิศ หรือคนวัยทำงานหลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า "ออฟฟิศซินโดรม" กันมาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าโรคนี้คืออะไร และมีวิธีดูแลรักษาอย่างไร? วันนี้เรามาทำความรู้จักกับโรคยอดฮิตของมนุษย์ออฟฟิศกันดีกว่า

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร

ออฟฟิศซินโดรม หรือ Office Syndrome คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืดจากการทำงานที่ใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำ ๆ  เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าเดิม ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น คอ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ

สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม

• การนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน
• การนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น หลังงอ คอก้ม
• สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ อุณหภูมิไม่เหมาะสม
• ใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ไม่เหมาะสมกับสรีระ หรือมีขนาดสูงหรือต่ำจนเกินไป
• ความเครียดจากการทำงาน
• การขาดการออกกำลังกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ

อาการแบบไหนเข้าข่ายเป็นออฟฟิศซินโดรม

• ปวดคอ บ่า ไหล่ หลังส่วนล่าง โดยมักปวดบริเวณกว้าง ระบุตำแหน่งชัดเจนไม่ได้
• ปวดข้อมือ นิ้วมือ หรือนิ้วล็อก
• ตาแห้ง ตาล้า วิสัยทัศน์พร่ามัว
• ปวดศีรษะเรื้อรัง หรือในบางครั้งมีอาการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย
• อาการชาตามแขนหรือขา
• อาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้

5 วิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรม

การรักษาออฟฟิศซินโดรมมีหลายวิธี ทั้งการรักษาด้วยยา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือการรักษาด้วยวิธีทางเลือกอื่น ๆ โดยบทความนี้จะมาแนะนำ 5 วิธีที่ได้รับความนิยม

1. ยืดกล้ามเนื้อให้ถูกวิธี

การยืดกล้ามเนื้อเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีในการบรรเทาอาการปวดเมื่อย ควรทำการยืดกล้ามเนื้อทุก ๆ 1-2 ชั่วโมงระหว่างการทำงาน โดยเน้นบริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง และข้อมือ การยืดกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

2. ทำกายภาพบำบัด

การทำกายภาพบำบัดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาออฟฟิศซินโดรม นักกายภาพบำบัดจะประเมินอาการและออกแบบโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล ซึ่งอาจรวมถึงการนวด การยืดกล้ามเนื้อ การฝึกความแข็งแรง และการให้คำแนะนำเกี่ยวกับท่าทางการทำงานที่ถูกต้อง การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดอาการปวดและป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำในอนาคต

3. รับประทานยา

ในกรณีที่มีอาการปวดรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบ เช่น พาราเซตามอล ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาลดเกร็ง อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาเป็นเวลานานอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ยาทาภายนอกเพื่อบรรเทาปวดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ได้

4. ฝังเข็ม

การฝังเข็มเป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่ได้รับความนิยมในการรักษาอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรม วิธีนี้ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและพลังงานในร่างกาย บรรเทาอาการปวด และช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย หลายคนพบว่าการฝังเข็มช่วยบรรเทาอาการได้ดีโดยไม่ต้องพึ่งพายา อย่างไรก็ตาม ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ

5. นวดแผนไทย

การนวดแผนไทยเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการของออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนวดช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ถ้าไม่มีเวลาไปนวดแผนไทย เครื่องนวดก็เป็นไอเทมที่ควรมีติดบ้านหรือออฟฟิศ

อย่างเช่น Breo Gun7 ปืนนวดกล้ามเนื้อที่มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยว จับกระชับถนัดมือ ช่วยนวดเข้าลึกถึงกล้ามเนื้อชั้นใน มาพร้อมนวัตกรรมให้ความร้อนที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต หรือจะเป็น Breo รุ่น MASSAGUN S1 ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก เหมาะสำหรับคนทำงานที่ต้องเดินทางบ่อย ทั้งสองรุ่นช่วยให้คุณสามารถนวดคลายกล้ามเนื้อได้ทุกที่ทุกเวลา ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการป้องกันออฟฟิศซินโดรม

• จัดท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง โดยให้หลังตรง เท้าวางราบกับพื้น
• ปรับความสูงของจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
• พักสายตาจากหน้าจอทุก 20 นาที โดยมองไกลออกไป 20 ฟุต นาน 20 วินาที (กฎ 20-20-20)
• ลุกเดินยืดเส้นยืดสายทุก 1-2 ชั่วโมง
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
• จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น แสงสว่างเพียงพอ อุณหภูมิพอเหมาะ
• ใช้อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการทำงาน เช่น เก้าอี้ที่รองรับหลังได้ดี แป้นพิมพ์และเมาส์แบบตามหลักการยศาสตร์
• ดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• จัดการความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง

สรุปบทความ