อยากวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ แต่วิ่งแล้วปวดหลังบน หรือวิ่งแล้วปวดหลังล่างจนต้องหยุดชะงัก เกิดจากอะไร? บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจสาเหตุของอาการวิ่งแล้วปวดหลัง พร้อมแนะนำวิธีบรรเทาและป้องกันอาการปวดหลังจากการวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาวิ่งได้อย่างมีความสุขและปลอดภัยมากขึ้น
อาการวิ่งแล้วปวดหลังสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือการวิ่งด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การโน้มตัวไปข้างหน้าขณะวิ่งที่มากจนเกินไป แล้วทำให้แผ่นหลังเกร็ง การแกว่งมือผิดลักษณะทำให้ไม่สอดคล้องกับท่าก้าววิ่งของเท้าและขาส่วนล่าง นอกจากนี้ การไม่ได้อบอุ่นร่างกายก่อนและหลังการวิ่งก็เป็นสาเหตุเช่นกัน
อาการปวดรุนแรงจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
มีอาการชาร่วมด้วย โดยเฉพาะบริเวณขาหรือเท้า
มีอาการปวดต่อเนื่องนานเกิน 2-3 เดือน
ปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้ได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว
มีอาการปวดร้าวลงสะโพกจนถึงขา
เมื่อเกิดอาการปวดหลังจากการวิ่ง มีหลายวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความรุนแรงของอาการและสภาพร่างกายของแต่ละคน
การใช้ที่นวดหลังเป็นวิธีที่สะดวก ทำได้เองง่าย ๆ และมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดเมื่อย โดยเราขอแนะนำ ที่นวดหลัง breo รุ่น New Back2 ที่ได้รับการออกแบบตามหลักศาสตร์การแพทย์แผนจีน ช่วยเข้าถึงกล้ามเนื้อได้อย่างล้ำลึก ด้วยหัวนวดขนาดใหญ่ที่รองรับแผ่นหลังตามสรีระ พร้อมระบบประคบอุ่นปรับได้ 2 ระดับ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ได้ทั้งบริเวณต้นคอ หลัง หัวไหล่ และเอว พร้อมแบตเตอรี่ในตัวที่ช่วยให้พกพาสะดวก ใช้งานได้ทุกที่
การใช้ยาทาบรรเทาอาการปวดเมื่อยเป็นอีกวิธีที่สะดวก โดยควรเลือกยาที่มีส่วนผสมของสารบรรเทาปวดและลดการอักเสบ เช่น เมนทอล การบูร หรือสารสกัดจากพืชสมุนไพร ทาบริเวณที่ปวดเมื่อยและนวดเบา ๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ควรสังเกตอาการแพ้และหลีกเลี่ยงการทาบริเวณที่มีบาดแผลหรือผิวหนังอักเสบ ทางที่ดีแนะนำให้ซื้อยาจากร้านที่มีมาตรฐานหรือร้านขายยาที่มีเภสัชกรเป็นผู้จ่ายยา
การประคบร้อนและเย็นสลับกันช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มจากการประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังวิ่ง เพื่อลดการอักเสบและบวม หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นการประคบร้อนเพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควรประคบครั้งละ 15-20 นาที และระวังไม่ให้ร้อนหรือเย็นเกินไปจนอาจเกิดแผลไหม้หรือผิวหนังเสียหาย
การป้องกันดีกว่าการรักษา มาดูวิธีป้องกันอาการปวดหลังจากการวิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ
การปรับท่าวิ่งให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันอาการวิ่งแล้วปวดหลัง เริ่มจากการวางเท้าให้พอดี ไม่ก้าวยาวหรือสั้นเกินไป รักษาลำตัวให้ตั้งตรง ไม่เอนไปด้านหน้าหรือด้านหลังมากเกินไป ปล่อยไหล่ให้ผ่อนคลาย ไม่เกร็ง และควบคุมการเคลื่อนไหวของแขนให้สอดคล้องกับจังหวะการวิ่ง นอกจากนี้ควรสวมรองเท้าที่เหมาะสมกับลักษณะเท้าและรูปแบบการวิ่งของตนเอง
การอบอุ่นร่างกายก่อนวิ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ควรใช้เวลาอย่างน้อย 5-10 นาทีในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง ต้นขา และน่อง เริ่มจากการเดินเร็วเพื่อให้ร่างกายปรับตัว แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเร็ว การวอร์มอัพที่ดีจะช่วยให้กล้ามเนื้อพร้อมทำงานและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บระหว่างวิ่ง