6 พฤติกรรมเสี่ยงปวดหลังเรื้อรังไม่รู้ตัว

ชาวออฟฟิศมักเจอกับปัญหาปวดหลังเรื้อรัง ที่ไม่เพียงส่งผลต่อการทำงาน แต่ยังบั่นทอนคุณภาพชีวิตในระยะยาว ซึ่งหลายคนอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเองนั้นเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรัง บทความนี้เลยจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมเหล่านั้น และหาทางป้องกันอาการปวดหลังเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ปวดหลังเรื้อรังคืออะไร

ปวดหลังเรื้อรัง เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยมักเป็น ๆ หาย ๆ ไม่หายขาด บางรายอาจมีอาการร้าวไปที่ขาหรือสะโพก ทำให้การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตในระยะยาว

สาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรัง

ปวดหลังเรื้อรัง สาเหตุมีหลายประการ ดังนี้

• ความผิดปกติของกระดูกสันหลังแต่กำเนิด เช่น โพรงกระดูกสันหลังตีบแต่กำเนิด กระดูกสันหลังคด กระดูกสันหลังมีมากหรือน้อยผิดปกติ
• กระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกเสื่อม ซึ่งพบได้เมื่ออายุเพิ่มขึ้น
• การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา ทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นบริเวณหลังได้รับความเสียหาย
• โรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกระดูกสันหลังคด หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังเคลื่อน
• พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งทำงานผิดท่าหรือการยกของหนักไม่ถูกวิธี

6 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เราอาจมองข้ามสามารถเป็นสาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรังได้ มาดูกันว่า มีพฤติกรรมอะไรบ้าง

1. นั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน

การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังเรื้อรังของชาวออฟฟิศ นอกจากนี้ การนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น หลังงอ ไหล่ห่อ หรือก้มคอมากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักและเกิดการเกร็งตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยและอักเสบของกล้ามเนื้อ หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ปัญหาปวดหลังเรื้อรังที่รักษาได้ยาก

2. การยกของหนักไม่ถูกวิธี

การยกของหนักโดยไม่ระมัดระวังหรือใช้ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การก้มยกของโดยใช้หลังแทนการย่อเข่าทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องเกร็งตัวอย่างมากในการออกแรงยก เสี่ยงต่อกล้ามเนื้ออักเสบได้ วิธียกของหนักที่ถูกต้อง คือ ยืนใกล้สิ่งของ ย่อเข่าให้หลังเป็นแนวเส้นตรง ใช้ฝ่ามือจับของให้มั่นคง แขนชิดลำตัว ศีรษะตั้งตรง จากนั้นค่อย ๆ ยืดเข่า เพื่อยืนขึ้นโดยใช้แรงจากกล้ามเนื้อขา ในขณะที่ยืนขึ้น หลังจะอยู่ในแนวตรง

3. สะพายกระเป๋าใบใหญ่และหนัก

การสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังและไหล่เกิดการเกร็งตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสะพายกระเป๋าข้างเดียวเป็นเวลานานจะทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุล เกิดอาการปวดเมื่อยและอาจพัฒนาเป็นปัญหาปวดหลังเรื้อรังได้ในที่สุด

4. น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน

ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน น้ำหนักตัวจะไปลงที่หลังมากขึ้น ขณะที่เราทำกิจวัตรประจำวัน กล้ามเนื้อหลังจะแบกน้ำหนักนี้ไว้ตลอด เมื่อกระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อต้องรับน้ำหนักมากเกินปกตินานวันเข้า จะส่งผลให้กระดูกสันหลังเสื่อมเร็วขึ้น และก่อให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรังได้นั่นเอง 

5. การใช้รองเท้าส้นสูง

เมื่อสวมรองเท้าส้นสูง ร่างกายจะพยายามรักษาสมดุลโดยแอ่นหลังมากขึ้น เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มไปข้างหน้า ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างทำงานหนักกว่าปกติ ยิ่งส้นสูงมากและใส่เป็นเวลานานเท่าไร ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังเรื้อรังมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน

6. สูบบุหรี่

หลายคนอาจไม่ทราบว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรังได้ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง โดยทำให้ไม่สามารถนำพาออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไปเลี้ยงอวัยวะดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือยุบตัวเร็วมากขึ้น ผู้ที่สูบบุหรี่จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังเรื้อรังสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่

วิธีป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลังเรื้อรัง

การป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลังเรื้อรังสามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้

• จัดท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง เลือกใช้เก้าอี้ที่รองรับหลังอย่างเหมาะสม
• หมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชั่วโมง
• ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
• ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
• เลือกใช้รองเท้าที่เหมาะสมกับกิจกรรม

สำหรับใครที่อยากบรรเทาอาการปวดหลังเรื้อรังอย่างตรงจุด ขอแนะนำเครื่องนวดหลัง Breo รุ่น Back M1 ที่มาพร้อมนวัตกรรมการนวดแบบชิอัตสึ และหัวนวดนูนกระชับที่สามารถเข้าถึงกล้ามเนื้ออย่างแม่นยำ ให้ความรู้สึกเหมือนนวดด้วยมือจริง ๆ  นอกจากนี้ยังมีระบบประคบอุ่นที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและคลายกล้ามเนื้อได้อย่างล้ำลึก บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดียิ่งขึ้น

ที่นวดหลังอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่อยากให้พลาด คือ รุ่น New Back 2 โดดเด่นด้วยเทคนิคการนวด Traditional Chinese Medicine ที่เข้าถึงกล้ามเนื้ออย่างล้ำลึก มีหัวนวดขนาดใหญ่รองรับแผ่นหลังอย่างทั่วถึง พร้อมระบบประคบอุ่นปรับได้ 2 ระดับ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ใช้งานง่าย มีแบตเตอรี่ในตัว ช่วยให้พกพาสะดวก เหมาะสำหรับใช้งานทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

สรุปบทความ