อาการปวดหลังแต่ละส่วน เกิดจากอะไร แบบไหนอันตราย

หลายคนมักละเลยและปล่อยผ่านอาการปวดหลังจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งอาการปวดหลังแต่ละส่วนล้วนบ่งบอกถึงความผิดปกติที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาไปดูว่า อาการปวดหลังส่วนต่าง ๆ เกิดจากอะไร บอกถึงปัญหาสุขภาพอะไรบ้าง และแนะนำวิธีป้องกันและบรรเทาอาการปวดอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงในอนาคต

อาการปวดหลังมีกี่แบบ

อาการปวดหลังสามารถเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่ง ตั้งแต่บริเวณสะบักไปจนถึงก้นกบ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้

อาการปวดหลังส่วนบน หรือปวดสะบักหลัง

อาการปวดสะบักหลังเป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนทำงานออฟฟิศ มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อคอและบ่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การก้มหน้าใช้สมาร์ตโฟน หรือการสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากความผิดปกติของหมอนรองกระดูกคอหรือข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนคอ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดร้าวจากคอลงมาถึงหลังส่วนบน หากปล่อยไว้นานอาจพัฒนาเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

อาการปวดหลังส่วนกลาง

อาการปวดหลังช่วงกลางมักเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อผิดท่าทาง โดยเฉพาะการบิดตัวหรือเอี้ยวตัวมากเกินไป เช่น นักกอล์ฟที่ต้องหมุนตัวในการตีลูก หรือคนขับรถที่ต้องเอี้ยวตัวหยิบของจากเบาะหลัง นอกจากนี้การก้มยกของหนักในท่าที่ไม่ถูกต้องก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนกลางร่วมกับส่วนล่าง การปรับท่าทางการเคลื่อนไหวและการยกของให้ถูกวิธีจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้

อาการปวดหลังช่วงเอว หรือปวดหลังส่วนล่าง

อาการปวดหลังช่วงเอวเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มโรคทางกระดูกและข้อ สาเหตุหลักมาจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง และข้อต่อกระดูกสันหลัง คุณจะรู้สึกปวดบริเวณเอวใต้ชายโครงลงไปจนถึงสะโพก อาการอาจรุนแรงขึ้นหรือทุเลาลงตามท่าทางการเคลื่อนไหว บางรายอาจมีอาการปวดตลอดเวลาหรือปวดมากในเวลากลางคืนจนนอนไม่หลับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค

อาการปวดหลังอันตรายไหม แบบไหนที่ควรพบแพทย์

แม้ว่าอาการปวดหลังส่วนใหญ่จะสามารถรักษาได้ด้วยการพักและการดูแลตัวเอง แต่มีบางกรณีที่ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

• อาการปวดหลังที่เป็นต่อเนื่องนานเกิน 3 เดือน โดยไม่ทุเลาลงแม้จะได้รับการรักษาเบื้องต้น
• ปวดรุนแรงจนรบกวนการนอนหลับหรือทำกิจวัตรประจำวัน แม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ไม่ดีขึ้น
• มีอาการปวดร้าวลงขาหรือเท้า อาจมีอาการชา แสบร้อน หรืออ่อนแรงร่วมด้วย
• ไม่สามารถนั่งหรือยืนได้นาน และมีอาการปวดร้าวร่วมด้วย
• มีอาการปวดร่วมกับไข้ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหลัง

• จัดท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง หลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย เท้าวางราบกับพื้น
• หมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชั่วโมง
• ยกของให้ถูกวิธี โดยย่อเข่าแทนการก้มหลัง และนำของที่จะยกมาชิดตัว แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้น
• ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

วิธีบรรเทาอาการปวดหลัง

การยืดกล้ามเนื้อเป็นวิธีบรรเทาอาการปวดหลังที่ได้ผลดี โดยเลือกท่ายืดให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ปวด

• อาการปวดหลังส่วนบน ให้เหยียดแขนขวาไปข้างซ้าย และใช้ศอกซ้ายดึงให้สุด ค้างไว้ 10 วินาที ทำสลับทั้งสองข้าง
• อาการปวดหลังส่วนกลาง ให้ยืนจับกำแพงมือหนึ่ง อีกมือยืดแขนพร้อมเอียงตัวไปด้านตรงข้าม ค้างไว้ 10 วินาที ทำสลับข้าง
• อาการปวดหลังส่วนล่าง ให้นอนหงาย งอเข่าข้างหนึ่ง ใช้มือดึงเข่าเข้าหาอก ค้างไว้ 10 วินาที สลับทำอีกข้าง

นอกจากยืดกล้ามเนื้อด้วยตัวเอง เราขอแนะนำไอเทมช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง อย่างปืนนวด Breo รุ่น Massage Gun7 โดดเด่นด้วยดีไซน์ทันสมัยที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์ น้ำหนักเบาเพียง 405 กรัม พร้อมนวัตกรรม Hot-VIB SYNC thermal shock press ที่ให้ความร้อนถึง 45°C ภายใน 5 วินาที ช่วยคลายกล้ามเนื้อและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด หัวนวดหลากหลายรูปแบบช่วยเข้าถึงจุดปวดได้อย่างแม่นยำ และสามารถปรับความแรงได้ 3 ระดับ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่าง

อีกหนึ่งตัวเลือกคือ Breo รุ่น Massagun S1 Black ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพสูง น้ำหนักเบาเพียง 220 กรัม พกพาสะดวก มาพร้อมระบบปรับความเร็ว 4 ระดับและหัวนวด 4 แบบที่ออกแบบมาเพื่อการนวดที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการบรรเทาอาการปวดในแต่ละส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลังส่วนบน กล้ามเนื้อลึก คอและเอ็นร้อยหวาย หรือกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น สะโพก ต้นขา น่อง เป็นต้น

สรุปบทความ